
กรณีเพจชื่อดัง (แหม่มโพธิ์ดำ) แชร์เรื่องราวว่าเกิดเหตุการที่โทรศัพท์มือถือระเบิดในขณะที่เก็บไว้ในกางเกงยีนส์ หลังผู้เสียหายนำโทรศัพท์ระบบ 2จี ไปแลกเป็นโทรศัพท์ระบบ 4จี จากค่ายโทรศัพท์มือถือรายหนึ่ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
รองศาสตราจารย์วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บอกกับคุณธนัชภัค เมืองชู ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวีว่า กรณีนี้หากวิเคราะห์จากรูปภาพ ตัวเครื่องยังปกติ แต่ส่วนที่ระเบิดหรือลุกไหม้คือแบตเตอรี่
ซึ่งตามหลักการของแบตเตอรี่แล้ว จะบรรจุกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะมีแรงอัด และมักก็จะมีปฏิกริยาเคมีภายในแบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลา ส่วนแบตเตอรี่โทรศัพท์เป็นแบตเตอรี่เซลล์แห้ง สามารถนำมาชาร์ตใหม่ได้ ถ้าเกิดการลัดวงจร เกิดความร้อน ก็จะเกิดการขยายตัว และระเบิดในที่สุด
ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดความร้อน บวม และระเบิด อันแรก คือ ชนิดของแบตแห้งที่ใช้ แต่ส่วนใหญ่จะใช้ลิเทียมไออน และแคชเมียม ซึ่งค่อนข้างจะเสถียรแต่มีราคาสูง แต่ถ้าเปลี่ยนโลหะเป็นธาตุตัวอื่น ค่าใช้จ่ายก็จะถูกลง เช่น ตะกั่ว หรือ เจล แต่คุณภาพก็ลดลงด้วย จึงเป็นไปได้ว่าโทรศัพท์ที่ให้เปลี่ยนเครื่องใหม่ฟรี ก็อาจจะใช้ชนิดแบตที่ราคาถูก เพื่อลดต้นทุน
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากแหล่งผลิต หรือมาจากโรงงานที่ด้อยคุณภาพ และสุดท้ายคือการใช้งานของผู้บริโภคเอง เช่น ชาร์ตไปด้วยเล่นโทรศัพท์ไปด้วย ซึ่งอาจะทำให้เกิดเหตุดังกล่าวได้
ทั้งนี้ ไม่ใช่เฉพาะในโทรศัพท์โลคอสเท่านั้นที่อาจจะใช้แบตเตอรี่ที่ไม่ได้คุณภาพ เพราะก่อนหน้านี้มีมือถือยี่ห้อดังรุ่นหนึ่งถูกประกาศห้ามนำขึ้นเครื่องบินมาแล้ว เพราะมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่เช่นกัน
ส่วนความรุนแรงของแบตเตอรี่ที่ระเบิด ขึ้นอยู่กับแรงอัด จากกรณีนี้เท่าที่สังเกตุ คิดว่าผู้ใช้หันแบตเตอรี่ออกมาด้านนอกทำให้เกิดรอยขาดที่กางเกง แต่ถ้าหันแบตเตอรี่เข้าด้านในจะโดนเนื้อเต็มๆ ผิวหนังไหม้ได้ อวัยวะเพศชายอาจจะเกิดการฉีกขาดได้ แต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต
อาจารย์อ๊อด ยังบอกด้วยว่า โทรศัพท์ทุกเครื่อง ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ มีโอกาสที่แบตเตอรี่จะระเบิดได้เช่นกัน ดังนั้นจึงแนะนำว่า หากใช้โทรศัพท์แล้วรู้สึกอุ่นๆ หรือร้อนให้หยุดใช้ และถ้าแบตโทรศัพท์หมดเร็วกว่าปกติก็ให้รีบเปลี่ยน
วันนี้ทีมงานสยามนิวส์ขอเพิ่มเติม วิธีป้องกันจาก PotatoTechs มาให้อ่านกันด้วย
1.ปัจจัยหลักที่จะบ่งบอกได้ว่า แบตเตอรี่จะใช้ได้ยาวนาน หรือเสื่อมเร็วขึ้นกว่าเดิม สำหรับแท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน นั้น ควรจะปล่อยให้พลังงานแบตเตอรี่ เหลือเกิน 50% จะดีที่สุด ยิ่งเราปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือ 0% บ่อยๆ ยิ่งทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วมากขึ้นเท่านั้น
2.อย่าพยายามชาร์จจนเต็ม 100% เพราะนั่นก็คือเป็นสาเหตุที่ทำให้ แบตเตอรี่ค่อยๆ เสื่อมอายุลง ฉะนั้น ถ้าหากแบตเตอรี่ลดลงถึงระดับ 40% ก็ควรจะหยิบสายออกมาชาร์จกันได้แล้ว และควรจะชาร์จให้อยู่ที่ระดับ 90%
3.อย่าเสียบชาร์จทิ้งไว้ทั้งคืน หรือถ้าต้องการชาร์จให้เต็ม 100% ควรจะทำแค่เดือนละหนก็พอ
4.เมื่อชาร์จแบตเต็มแล้วก็ควรรีบถอดที่ชาร์จออก: เนื่องจากสถานะการชาร์จแบตเต็มนั้นก็เหมือนกับกล้ามเนื้อของเราที่กำลังตึงเครียดอยู่ การที่เราถอดที่ชาร์จออกจะช่วยทำให้แบตเตอรี่ “ผ่อนคลาย” และไม่มีแรงดันสูง
5.เราควรจะปล่อยให้พลังงานแบตเตอรี่เหลือเกิน 50% จะดีที่สุด แต่เนื่องจากทุกคนไม่สามารถทำตามได้ ที่ดีที่สุดก็คือมีเวลาก็หยิบสายออกมาชาร์จกันได้แล้วและควรจะชาร์จให้อยู่ที่ระดับ 90%
6.อย่าปล่อยให้มือถือร้อนเกินไป: ถ้าคุณรู้สึกว่ามือถือของคุณร้อนมาก เวลาชาร์จแบตให้ถอดเคสออกจะดีกว่า เพื่อให้มือถือสามารถระบายความร้อนได้และควรหลีกเลี่ยงไม่ให้มือถือไปโดนแสงแดดนะ
แหล่งที่มา : http://doosod.com